สายไปหรือเปล่า ถ้าจะพูดถึง New Year Resolution? (ตอนที่ 2)

ตัวอย่าง mind map สำหรับการตั้งปณิธานปีใหม่ เป็นตัวอย่างที่ใช้ในคลาสที่ สสส เมื่อวันก่อน

ถึงแม้ตอนนี้จะไม่ใช่ต้นปี แต่ก็ยังอยากให้ทุกท่านตั้งเป้าหมายสำหรับปีที่กำลังเข้ามา ส่วนท่านที่ตั้งไว้แล้ว อยากให้ลองคิดทบทวนอีกทีว่า เป้าหมายของเราเป็นไปได้จริงหรือไม่ เราอยากทำให้สำเร็จจริงๆหรือเปล่า แล้วค่อยคิดว่าจะทำอย่างไร ที่ไหน เมื่อไหร่เพื่อให้มันสำเร็จ

การใช้ mind map หรือเครื่องมือ visual thinking ต่างๆในการวางแผน ทำให้เราเข้าใจภาพใหญ่ของสิ่งที่จะทำ พร้อมทั้งระบุรายละเอียดที่สำคัญของเป้าหมายได้อย่างครบถ้วนและไม่ทับซ้อน

ข้อแนะนำสำหรับการทำปณิธานปีใหม่คือ 1 ใบ สำหรับ 1 ปณิธาน เพื่อป้องกันการสับสน และอย่าทำหลายแผ่น ให้เลือกเฉพาะอันที่สำคัญ และมีคุณค่ากับเราที่สุดมาทำซัก 1-2 เรื่องพอ (มิฉะนั้น อาจล่มทุกเรื่องนะจ๊ะ)

ปณิธานของโอ๋ปีนี้ ก็ตาม mind map ด้านล่างเลยจ๊ะ หลังจากโดนลูกศิษย์ทักว่าท้อง เกิดกำลังใจระดับ 10 ที่ต้องลดให้ได้ ^^

มาพยายามไปด้วยกันนะคะ

https://plus.google.com/111242482161221966616/posts/ikDrwgtJhR1

 

สายไปหรือเปล่าถ้าจะพูดเรื่อง New Year Resolution? (ตอนที่ 1)

เวลาเริ่มปีใหม่ หลายๆคนตั้งปณิธานปีใหม่ทุกปี ปีละหลายๆข้อ แต่จะมีซักกี่คนที่ทำสำเร็จตามที่ตั้งใจ?

ถึงแม้ปณิธานปีใหม่มักจะเป็นเรื่องดีๆ เช่น ปีนี้ชั้นจะเก็บเงิน ปีนี้จะออกท่องเที่ยวดูโลกกว้าง เก็บประสบการณ์ชีวิต อยากลดน้ำหนัก ฯลฯ แต่น่าเสียดาย มีไม่ถึง 20-30% ของคนที่ตั้งปณิธานปีใหม่ ที่ยังทำตามปณิธานหลังจากผ่านไปไม่กี่เดือน

ทำไมถึงเป็นอย่างนั้นหละ?… คำตอบง่ายๆ เราไม่ได้คิดอย่างจริงจังว่าเราจะทำมันให้สำเร็จ

แล้วทำไมเราถึงไม่จริงจังหละ? … เพราะเราไม่มีแรงจูงใจที่มีคุณค่าพอ (Why)

ถ้าเรามีแรงจูงใจที่มีคุณค่าพอ ปัญหาว่าทำอะไรซักอย่างแล้วยกเลิกกลางคันก็จะเกิดขึ้นน้อยลง ข้ออ้างที่ทำให้เราล้มเลิกความตั้งใจก็จะมีไม่มีน้ำหนัก

เพราะฉะนั้น ถ้าปีนี้ใครได้คิดปณิธานปีใหม่ของตัวเองไว้ อย่าลืมคิดเยอะๆนะคะ ว่าเราจะทำสิ่งนั้นเพื่ออะไร ถ้าแรงจูงใจมีค่าพอหรือสำคัญพอ ไม่ว่าอะไร มันก็เกิดขึ้นได้ค่ะ

ขอให้ปณิธานปีใหม่ของทุกท่านสำเร็จลุล่วงนะคะ ^^

https://plus.google.com/111242482161221966616/posts/ikDrwgtJhR1

Mind Map เครื่องมือ Visual Thinking สุดทรงพลัง (ตอนที่ 2)

วันนี้มาดูตัวอย่าง Mind Mapping แบบง่ายๆกันดูนะคะ
Mind Mapping 1 แผ่น แบ่งออกเป็น 3 ส่วนนะคะ
1. แก่นแกน หรือ Topic ของเรื่องนั่นเอง จะวางอยู่ตรงกลางของกระดาษแนวนอน จากตัวอย่างที่ทำมาให้ดู เป็นเรื่อง ชีวิต(ที่เรียบง่าย)ของหมูหยอง ^^ โอ๋เลยวาดรูปหมูหยองไว้ตรงกลางค่ะ
2. กิ่งแก้ว หรือ Main Branches ของแก่นแกน ซึ่งจะบอกภาพใหญ่ของเรื่องที่เรากำลังพูดถึง สิ่งสำคัญในชีวิตหมูหยองก็มี 3 เรื่องใหญ่ๆค่ะ คือเรื่อง รัก/ชอบอะไร ไม่ชอบอะไร แล้วก็ลักษณะทั่วไปของชีวิตหมูหยองเอง โดยแต่ละกิ่ง จะใส่กิ่งละสี เพื่อเป็นการแบ่งแยกว่านี่เป็นคนละเรื่องกันนะ
3. กิ่งก้อย หรือ Sub Branches จะบอกรายละเอียดปลีกย่อยของกิ่งแก้วแต่ละกิ่งอีกที เช่น หมูหยองรักหลักๆ 3 อย่าง คือ รักแม่โอ๋ รักปู่บ๊อก และรักของกิน โดยเฉพาะแอปเปิ้ล ที่แบ่งกะแม่โอ๋กินเป็นประจำ
เห็นไหมคะว่า Mind Mapping จริงๆแล้วแสนง่าย ลองวาดดูเล่นๆได้นะคะ หรือลองสอนเด็กๆที่บ้านวาดดูก็ได้ค่ะ วาดเสร็จแล้วผลัดกันเล่าให้อีกคนฟัง เป็นการฝึกทั้งจินตนาการ การเชื่อมโยง และฝึกฝนการเล่าเรื่องไปด้วยนะจ๊ะ เทคนิคนิดนึงคือ เริ่มวาดจากเรื่องง่ายๆ เรื่องที่เราคุ้นชินก่อนนะคะ เวลาวาดจะได้ไหลลื่น ^^

https://plus.google.com/111242482161221966616/posts/ikDrwgtJhR1

Mind Map เครื่องมือ Visual Thinking สุดทรงพลัง (ตอนที่ 1)

1 ในเครื่องมือสำหรับทำ Visual Thinking ที่ง่ายแต่มีประสิทธิภาพที่สุดในมุมมองของโอ๋ และของใครอีกหลายล้านคนทั่วโลกก็คือ Mind Mapping ค่ะ

Mind Mapping คืออะไร??
มันคือเครื่องมือจัดระเบียบความคิดที่เลียนแบบการทำงานของสมอง ซึ่งถูกคิดค้นขึ้นโดย Professor Tony Buzan จากอังกฤษ โดยใช้ภาพ เส้น สี คำ และการแตกกระจายแบบฟุ้งๆมาช่วย โดยแทนที่จะใช้การจดข้อความยืดยาวบนสมุดเป็นสิบเป็นร้อยหน้า หรือการทำตารางตัวเลขมากมายด้วย Microsoft Excel เรากลับใช้เครื่องมือที่เน้นภาพและคำที่เรียบง่ายมาสรุปเฉพาะเนื้อหาสำคัญให้จบลงได้ภายในหน้าเดียว

แล้ว Mind Mapping มันดียังไงหละ?
ปกติ เวลาเราอ่านหนังสือซักเล่ม เอาเรื่องที่วิชาการนิดนึงนะคะ พออ่านๆไป เรามักจะงงๆว่า เอ๊ะ ตรงไหนคือใจความสำคัญ และตรงไหนข้ามๆไปได้ เรามักมองไม่ค่อยเห็นความเชื่อมโยงของแต่ละหน้าแต่ละบทที่เราอ่านไป บางทีอ่านจบเล่ม ยังตอบไม่ได้เลยว่าใจความสำคัญอยู่ตรงไหน (โอ๋เป็นบ่อยค่ะ)
ในทางตรงกันข้าม Mind Mapping ช่วยให้เราเห็นทั้งภาพใหญ่และรายละเอียดบนกระดาษ 1 แผ่น แทนที่จะใช้ตัวหนังสือเยอะๆมาอธิบาย แปลว่ามันเข้าใจง่าย จดจำง่าย และเอาไปต่อยอดได้ง่าย

*ครั้งต่อไป โอ๋จะมาเล่าต่อเกี่ยวกับ Mind Mapping เกี่ยวกับประโยชน์/การใช้งานในด้านอื่นๆที่จริงๆยังมีอีกมากมาย กับวิธีการเขียน Mind Mapping แบบง่ายๆนะคะ ขอบอกว่าง่ายมาก ประหยัด (ต้นทุนที่แพงที่สุดของการทำคือค่าปากกาหรือดินสอสีเท่านั้นเองค่ะ) แถมยังได้ฝึกสมองไปด้วยค่ะ ^^

https://plus.google.com/111242482161221966616/posts/ikDrwgtJhR1